วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

แบบห้องนอน (ที่น่านอนจริงๆ)

ในบรรดาห้องทั้งหมดในบ้าน ห้องที่ผมอยากพูดถึงเป็นห้องแรกในการจัดแต่งบ้านก็คือ... ห้องนอน เพราะเป็นห้องที่ผมชอบ และให้ความสุขจากการพักผ่อนอย่างเต็มที่ที่สุด ทั้งเป็นห้องที่จะช่วยชาร์จพลังงานของชีวิตให้กลับมาสดใส เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่จะทำกิจกรรมของชีวิต ในแต่ละวันของผมและคุณๆ ทั้งหลาย จริงไหมครับ?

...ก่อนอื่นเรามาชมแบบของห้องนอนต่างๆ ซึ่งผมได้รวบรวมมาให้ทุกคน ในหลากหลายแบบ หลายสไตล์ ดูกันเพลินๆ และเป็นไอเดียของการจัดแต่งห้องนอน ดังนี้ครับ...

Style ที่ 1 : แบบเน้นความโปร่ง โล่ง สบาย
ในแบบนี้ จะเน้นการจัดห้องในแบบให้มีการถ่ายเทอากาศภายในห้องได้ตลอดเวลา และเหมาะมากครับ
สำหรับคนที่ไม่นิยมนอนตื่นสาย เพราะแสงแดงยามเช้า จะส่องกระทบเข้าในห้องนอน จนคุณไม่คิด
ที่จะนอนต่อเลยทีเดียว การจัดห้องในแบบนี้ หากเป็นช่วงหน้าร้อน จะทำให้ค่าไฟฟ้าที่บ้านแพงลิบเพราะ
ขนาดคุณติดผ้าม่าน ก็ยังไม่ช่วยค่าไฟฟ้าคุณสักเท่าไหร่


Style ที่ 2 : เป็นแนวโทนห้องสีเขียว สดใส สบายตาครับ


Style ที่ 3 : จะเป็นการผสมผสานกันระหว่าง แบบที่ 1 และแบบที่ 2 คือ แบบสบายตา และโปร่งโล่ง
ในแบบนี้ จะเป็นการนำเอาแบบที่ 1 และแบบที่ 2 มาผสมกันซึ่งการจัดห้องนอนแบบนี้ หากบ้านใครมีพื้นที่
บริเวณบ้านเยอะ มีต้นไม้ที่ให้ความร่มเย็นเขียวชะอุ่มเยอะ-เยอะ การจัดห้องแบบนี้จะเหมือนสวรรค์บนดินทีเดียวนะจะบอกให้…


Style ที่ 4 : เป็นแนวแบบเข้ม สุขุม แอบเท่ห์ ในแนวที่ จะเหมาะกับห้องนอนผู้ชาย


Style ที่ 5 : แบบนี้เป็นแนวร่วมสมัย เรียบง่าย แต่เก๋ดีครับ
ในแบบนี้ เราจะสามารถพบเห็นได้บ่อย ตามสถานที่ที่มีการจัดงานตกแต่งบ้าน ตามบูธที่ขายสินค้าประเภทเครื่องนอน


Style ที่ 6 : แนวโรแมนติก หรูหรา
แบบที่ 6 คงไม่ค่อยแปลกตานัก เพราะหากใครที่เดินทางบ่อยมีโอกาส ได้ไปพักตามโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาวเป็นต้นไป
น่าจะมีโอกาสได้เห็นการจัดห้องนอนในแบบนี้ได้บ่อยครับ.


Style ที่ 7 : แนวอาร์ต บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัว
การจัดห้องในแนวนี้ จะสามารถบอกความชอบในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของได้เป็นอย่างดี
เป็นแนวศิลปะ + ความทันสมัยซึ่งสามารถจัดได้หลายแบบ ตามลักษณะความชอบของแต่ละบุคคล

Style ที่ 8 : แนวอาร์ต-อาร์ต เซอ-เซอ
แบบนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและไม่นิยมความหรูหรา แต่เน้นความคลาสสิค
ในการจัดวางสีที่ใช้ในห้อง จึงไม่ฉูดฉาด แต่จะเป็นแนวทึมๆ ซะส่วนใหญ่


Style ที่ 9 : แบบเรียบง่าย คลาสสิค และมีเสน่ห์
การจัดห้องสไตล์นี้ จะเหมาะกับสุภาพบุรุษที่นิยมความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ซึ่งความมีเสน่ห์
เป็นการจัดการที่ลงตัวโดย ใช้เฉดสีเป็นตัวแบ่งความเหมาะสม


Style ที่ 10 : แบบหวานหวาน แต่แฝงความมีเสน่ห์
การจัดห้องในแบบนี้ ผู้จัดจะใช้สีที่ให้ความรู้สึกสบายตาแต่จะใช้เฟอร์นิเจอร์และแสงของไฟเป็นตัวเบส
ให้สีของห้องดูมัว-มัว เพื่อเพิ่มเสน่ห์ของห้องให้ดูคลาสสิคมากขึ้น


Style ที่ 11 : แบบเรียบแต่เก๋ ดูสะอาดสะอ้านตา
ในแบบนี้ หากใครมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ของต่างประเทศบ่อย-บ่อย เราก็มักจะเห็นว่า
การจัดห้องแบบนี้ แทบจะเรียกได้ว่า เป็นวัฒนธรรมของคนทางฝั่งยุโรปกันเลยทีเดียว

Style ที่ 12 : เน้นความเก๋ไก๋ คลาสสิค
ในแบบนี้ จะเป็นจัดแบบแนวทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ในห้อง มักจะใช้แบบที่ทันสมัยเสมอ


Style ที่ 13 : แบบเก๋ไก๋ น่ารัก กระจุ๊กกระจิ๊ก และแอบหวานเล็กๆ
ในแบบนี้ จะเป็นการจัดห้องแบบตกแต่งด้วยของสวยงามที่เก๋ๆ เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งในห้องจะเป็นประเภท
ที่ทันสมัยและไม่กินพื้นที่เยอะจนเกินไป ซึ่งเจ้าของห้องอาจเพิ่มความน่ารัก หวานใส โดยใช้สีของผ้าปูที่นอน หรือดอกไม้ หรืออุปกรณ์ตกแต่งให้เป็นสีสดใส หวาน-หวาน ก็จะช่วยเพิ่มความน่ารักมากยิ่งขึ้น


Style ที่ 14 : แนวอ่อนหวาน ซ่อนความมีเสน่ห์น่าค้นหา
ปกติคนที่จัดห้องด้วยสีโทนม่วง โดยคำอธิบายของสีนี้ มักจะบ่งบอกถึงความอ่อนหวาน และการปิดบังซ่อนเร้น ความน่าติดตาม ค้นหาทำให้รู้สึก ขมุกขมัว กรุ่น-กรุ่น ไม่กระจ่าง …ประมาณนั้น…ใครที่จัดห้องแนวนี้ คงจะเป็นคนที่เจ้าชู้และเจ้าเสน่ห์ไม่เบานะ


Style ที่ 15 : แบบอบอุ่น เน้นสีสันและความสดใส
การจัดห้องแบบนี้ จะให้ความอบอุ่น โดยจากสีสันที่เป็นโทนร้อนแต่จะเพิ่มความสดใสให้กับห้อง ทำให้ห้องดูมีสีสันไม่ทึบ


Style ที่ 16 : แบบให้ความสว่าง สดใส และสะอาดสะอ้านตา
การจัดแบบนี้ จะเป็นแบบที่เน้นความสว่างของห้อง สีที่ใช้จะช่วยเพิ่มความสดใสให้ไม่ดูธรรมดาจนเกินไป


Style ที่ 17 : แบบสบาย-สบาย เรียบง่าย น่ารัก
การจัดห้องแนวนี้ เน้นสำหรับผู้ไม่ค่อยนิยมเฟอร์นิเจอร์ในห้อง หรือพื้นที่ใช้สอยน้อย จะใช้วิธีการตกแต่งห้อง ให้มีสีสัน ในแบบเก๋ๆ และเน้นความสะอาดตา
Style ที่ 18 : แบบหรูหรา โอ่อ่า คลาสสิค
เป็นการจัดห้องที่เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มีความโอ่อ่า หรูหรา สีของห้องจะช่วยเพิ่มความคลาสสิค
ทำให้ดูแล้วเรียบง่าย สบายตา แต่ดูดีมีชาติตระกูลครับ

Style ที่ 19 : แบบอบอุ่น คลาสสิค และสวยงาม
ในแบบนี้ จะเน้นความเป็นระเบียบ แต่ไม่เชย สีที่ใช้จะเป็นโทนสีเบส ซึ่งจะทำให้รู้สึกอบอุ่น และสีครีมขาว
ทำให้ห้องดูสะอาดตา

Style ที่ 20 : แบบหวาน-หวาน สดใส เน้นความโอ่อ่า
ในแบบนี้จะเป็นแบบที่เน้นสีสันให้สดใส สีที่ใช้จะเป็นโทนสว่างแต่จะเน้นเฟอร์นิเจอร์หรู-หรู เป็นตัวชูโรง
ให้ดูเหมือน “ห้องคุณนาย”

Style ที่ 21 : แบบเรียบง่าย อ่อนหวาน สะอาดตา
เป็นการจัดห้องนอนแบบเรียบง่าย โดยใช้ชุดเครื่องนอนและเฟอร์นิเจอร์ช่วยทำให้ห้องดูสะอาดตา
และเพิ่มความอ่อนหวาน จากลายของชุดเครื่องนอน


Style ที่ 22 : แบบสดใส อ่อนหวาน เรียบง่าย เก๋ไก๋
เป็นแบบการจัดที่ให้ความลงตัวของห้องโดยใช้สีของห้องและเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ
ภายในห้องให้เป็นสีเดียวกับสีของห้อง โดยอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ จะเน้นความสดใส น่ารัก เก๋ไก๋


Style ที่ 23 : แบบเรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่น่ารัก
เป็นการจัดห้องนอนแบบที่ง่ายที่สุด คือ เน้นความสะอาดตา และสีของชุดเครื่องนอนที่ใช้
จะเพิ่มความน่ารักให้กับห้อง โดยไม่ต้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีราคาแพง แต่แอบเก๋
ด้วยโคมไฟสวย-สวยที่หัวนอน



Style ที่ 24 : แนวรุก เน้นความสะดวกสบายและทันสมัย
การจัดห้องในแบบนี้ จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการหยิบสอยเครื่องใช้ภายในห้องนอน

Style ที่ 25: แบบทันสมัย และเน้นพื้นที่ใช้งาน
แบบนี้จะเป็นแบบที่ตกแต่งโดยใช้ความทันสมัยของเฟอร์นิเจอร์ และเน้นพื้นที่การใช้งานเก็บของใช้ส่วนตัว

Style ที่ 26 : เป็นการจัดห้องในแบบญี่ปุ่น
ในแบบที่นี้ จะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้ห้องดูแคบเพราะมีเตียง และเน้นแบบสบาย-สบาย ไม่เน้นฟู่ฟ่าหรูหรา

หวังว่าคุณทุกคน คงนอนหลับฝันดีนะครับ..

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

วิธีจัดแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ย


ผมได้กล่าวถึง การจัดแต่งบ้านในบทความที่ผ่านมาโดยหลักทั่วไป ทีนี้มาดูตามหลักความเชื่อ (ฮวงจุ้ย) กันดูบ้างนะครับ


บ้าน
1. ไม่ควรมีถนนวิ่งตรงเข้าสู่บ้าน

2. ไม่ควรมีเสาตรงหน้าบ้าน

3. ไม่ควรมีต้นไม้ตรงประตูบ้าน

4. ไม่ควรมีประตูตรงกัน 2 ประตูเป็นทางผีผ่าน

5. ไม่ควรมีประตูหน้าบ้านประจันหน้ากับประตูบ้านอื่น

6. ไม่ควรมีประตูบ้านที่เล็กเกินไป เงินเข้าน้อย

7. ไม่ควรมีประตูบ้านตรงกับรถจอดพอดีเงินรั่วไหล



ห้องนอน
1. ห้องนอนเจ้าบ้านควรมีขนาดใหญ่ อยู่ทิศตะวันออกหรือกลางบ้านดี จะทำให้ความอบอุ่นมากขึ้น

2. ห้องนอนไม่ควรตรงประตูกัน

3. ห้องนอนไม่ควรอยู่ติดกับห้องครัว จะร้อนและสุขภาพไม่ดี

4. ห้องนอนประตูห้องไม่ควรตรงกับบันได ผีผ่าน

5. ห้องนอนประตูไม่ควรตรงกับประตูห้องส้วม จะทำให้ทุกข์ใจและสุขภาพเสีย

6. ห้องนอนหรือหัวนอนไม่ควรตรงกับ ห้องน้ำ จะมีปากเสียงและสุขภาพไม่ดี

7. ห้องนอนของคู่ชีวิตควรอยู่ทางทิศตะวันตกของบ้าน หันหัวทางทิศตะวันออก ส่งผลให้ร่มเย็นเป็นสุข


ห้องครัว
1. ห้องครัวควรอยู่หลังบ้าน จะส่งผลดีต่อครอบครัว

2. ห้องครัวไม่ควรมองเห็นชัดเจน ส่งผลให้ไม่มีสุข และเป็นโรคอ้วนได้

3. เตาไฟ ไม่ควรวางติดกับหน้าต่าง จะทำให้เกิดอุบัติภัยได้ และเป็นโรคได้ แต่อาจแก้โดยใช้ม่านปิด

4. ไม่ควรนำเตาไฟติดกับอ่างน้ำ จะทำให้วุ่นวาย

5. เตาไฟควรวางทะแยงประตูเข้า จะทำให้เงินมากขึ้น

6. เตาไฟควรจัดให้เป็น เลขคี่ จะเป็นสิริมงคล ร่ำรวย

7. ห้องครัวควรมีช่องระบายอากาศให้สมดุล ธาตุลมจะทำให้ครอบครัวไม่วุ่นวาย



ห้องส้วม (ถูกฮวงจุ้ย) นำโชคดีมาให้
1. ห้องส้วมควรสะอาด จะส่งผลให้ครอบครัวมีสุข

2. ห้องส้วมไม่ควรตรงกับประตูห้องนอน ส่งผลร้ายต่อบ้าน

3. ห้องส้วมไม่ควรใหญ่เกินห้องกับข้าวจะทำให้ลูกหลานขี้เกียจ

4. โถส้วม ควรใช้สีถูกโฉลกกับเจ้าของบ้านตามสีของธาตุ จะทำให้เฮงๆ





ธาตุทอง สีประจำธาตุคือ สีทอง สีเงิน สีขาว สีที่เสริมธาตุคือ สีเหลือง

ธาตุดิน สีประจำธาตุคือ สีเหลือง สีที่เสริมธาตุคือ สีแดง ชมพู

ธาตุไฟ สีประจำธาตุคือ สีแดง ชมพู สีที่เสริมธาตุคือ สีเขียว

ธาตุไม้ สีประจำธาตุคือ สีเขียว สีที่เสริมธาตุคือ สีดำ

ธาตุน้ำ สีประจำธาตุคือ สีดำ สีที่เสริมธาตุคือ สีทอง สีเงิน สีขาว

5. ประตูห้องส้วม ควรมีฉากกั้นรูปวิว จะทำให้บ้านอยู่เย็นเป็นสุข

6. โถส้วม ควรเล็กกว่าที่อาบน้ำ

7. ห้องส้วมควรมีแสงสว่าง 2 ดวง ส่งผลให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง


บันได
1. บันไดบ้านควรมีแสงสว่างเพียงพอ ใช้แสงสีขาว หรือสีเหลือง 1 ดวง จะส่งผลให้บ้านนั้น พ้นเรื่องอุบัติเหตุ

2. บันไดบ้านควรเป็นเลขคี่ จะส่งให้ร่ำรวย

3. บันไดให้ใช้สีสว่าง ส่งผลให้ธาตุน้ำดี บ้านร่มเย็นเป็นสุข












ห้องรับแขก (บ้านแสนสุข)
1. ห้องรับแขกอเนกประสงค์ ควรมีอ่างบัว หรืออ่างปลาสวยทางมุมสุดของห้องรับแขก และติดวอลเปเปอร์ ภูเขา เมฆ สีฟ้าอ่อน (สว่าง) จะทำให้ห้องร่มรื่นถูกฮวงจุ้ย

2. ห้องรับแขกควรอยู่ตรงกับประตูใหญ่พอดี ใช้โซฟาสีฟ้าหรือสีชมพูอ่อนส่งเสริมให้อบอุ่น









ลองจัดแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยกันดู เป็นแนวทางจัดแต่งบ้านอีกแนวทางหนึ่ง ที่น่าสนใจทีเดียว นะครับ..

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552

การตกแต่งบ้านให้น่าอยู่



เริ่มต้นจากบันไดบ้านก่อนนะครับ


บันไดบ้านที่ดีถูกต้องควรมีดังนี้



1. ควรจะมีแสงสว่างพอดี ถ้าสว่างไม่พอแล้ว อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่ายโดยการเหยียบบันไดพลาดพลัดตกลงมาได้


2. คั่นบันไดมีระยะให้พอเหมาะ สำหรับก้าวไม่ห่าง หรือถี่จนเกินไป


3. มีราวจับ เพื่อกันลื่นล้ม


4. ไม่ชันจนเกินไป จะขนของขึ้นลงลำบาก


5. ถ้าเป็นบันไดภายในบ้าน ควรให้ห่างห้องรับแขก เพื่อการขึ้นลงได้สะดวก เมื่อมีแขกมาเยี่ยม






ห้องรับแขก




1. ควรเลือกห้องที่พอเข้ามาก็ถึงเลยไม่ต้องให้แขกเดินอ้อมผ่านห้องต่าง ๆเป็นการเสียเวลาและไม่เหมาะสมที่เราจะเปิดเผยให้แขกรู้ภายในห้อง เพราะแขกบางคนเราไม่สนิทกันนัก


2. มีแสงสว่างพอ มีหน้าต่างโดยรอบก็จะดี ลมจะผ่านได้สะดวก

3. มีม่านประดับเพื่อความสวยงาม และกันแดดด้วย


4. เป็นห้องที่มีความกว้างพอสมควร ถ้าแคบนักจะดูไม่สง่างาม เพราะวางเก้าอี้ชุดลำบาก ควรจะมี่ที่เดินได้สะดวก










ห้องนอน

ห้องนอนเป็นห้องสำคัญ เพราะเป็นห้องที่เรานอนพักผ่อน เป็นห้องที่จะทำความสุขให้กับเรา ดังนั้นควรเลือกให้ดี

1. เป็นห้องที่กว้างขวาง วางเตียงแล้วไม่คับแคบจนเกินไป


2. มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก รับลม มีแสงสว่างพอควร

3. ถ้าอยู่ทางตะวันออกได้ยิ่งดี เพราะตอนบ่ายจะได้เย็น ไม่อมความร้อนเอาไว้ในเวลากลางคืน

4. มีหน้าต่างรอบห้อง เพื่อให้ลมผ่านและแสงสว่างเข้า แดดตอนเช้าเข้าได้เพื่อฆ่าเชื้อโรค






ห้องพระ





ห้องพระ ถ้าให้ดีควรจะมีห้องไว้ต่างหาก ให้ห่างไกลคนเดินผ่านเข้าออก สมกับเป็นที่ตั้งสิ่งที่เราเคารพบูชา

ถ้าทำหิ้งให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกแสดงถึงความรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ ให้จัดหิ้งไว้สูง ๆ สูงกว่าที่เก็บเสื้อผ้าของเรา ก็จะเหมาะที่สุด

















ห้องครัว





ห้องครัว เป็นห้องที่เรียกว่า เราทำสกปรก ถ้าจะให้ดีแล้ว ควรแยกครัวออกจากตัวบ้าน เพื่อมิให้ควันรบกวนหรือเพื่อมิให้กลิ่นไม่ดีรบกวนเราแต่ถ้าแยกไม่ได้ ก็ไม่ควรจะอยู่ใต้ห้องนอน ถ้าหากเตาไฟใช้ถ่าน เวลาจุดไปควันจะขึ้นไปจับเพดานและสิ่งของภายในห้องนอน ทำให้เหม็นอับ แต่ถ้าใช้เตาแก๊ส หรือไฟฟ้าก็ไม่จำเป็นอะไร ควรเลือกห้องที่มีแสงสว่างเข้ามาก ๆ และอยู่หลังบ้าน ไม่ควรจะอยู่หน้าบ้าน










ห้องน้ำ



ส่วนมากจะอยู่ติดห้องครัว และอยู่ท้ายครัว เวลาทำครัวต้องผ่านห้องครัวเสียก่อน แล้วจึงจะถึงห้องน้ำ ซึ่งหมายถึงส้วมด้วย ควรจะมีแสงสว่างเข้ามาพอสมควร นอกจากนี้ก็ควรจะมีหลอดไฟฟ้าประจำทุกห้องด้วย เพื่อความสะดวกในการใช้ และป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น แต่ถ้ามีห้องน้ำห้องส้วมอยู่ชั้นบน ควรเลือกห้องที่ห่างกับห้องนอน














ห้องเก็บของ



ห้องเก็บของ ถ้ามีได้ก็จะดี เพราะเรามีของที่นาน ๆ จึงจะได้นำมาใช้ หรือของไม่จำเป็นต้องใช้ นอกจากมีงานเลี้ยงเท่านั้นของเหล่านี้ควรจะมีห้องเก็บไว้ต่างหาก ไม่ควรไว้ปะปนกัน นอกจากจะดูไม่สวยงามแล้วยังสะดวกในการหยิบฉวยมาใช้ด้วยครับ














ห้องนั่งเล่น




ห้องนั่งเล่นนี้ ควรจะเป็นห้องที่โปร่งไม่ทึบ จะอยู่ทางด้านเดียวกับห้องรับแขกก็ได้ครับ มีความกว้างพอที่จะตกแต่งเครื่องเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับต่าง ๆ ได้อย่างสวยงามโดยไม่คับแคบ ถ้าบ้านเล็กอาจไม่มีก็ได้ครับ











ห้องอาหาร





ห้องอาหารนี้ เพื่อความสะดวกควรจะอยู่ใกล้กับห้องครัว เพื่อจะได้ยกเข้าออกได้สะดวกสบาย และควรจะเป็นห้องโปร่ง มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่แคบเกินไป มีเนื้อที่พอจะตั้งโต๊ะอาหาร ลุกนั่งได้อย่างสบาย












ห้องอ่านหนังสือ




ห้องนี้ก็จำเป็นเหมือนกัน แม้คนมีฐานะพอปานกลางก็ควรจะมีห้องสมุด หรือห้องอ่านหนังสือ ห้องนี้ควรจะเป็นห้องที่รับลม ปลอดโปร่ง สงบ ไม่เป็นทางเดินผ่านของคนภายในบ้าน เพื่อเราจะได้พักผ่อนได้อย่างสบาย ห้องนี้อาจจะจัดรวมเป็นห้องนั่งเล่นด้วยก็ได้ ถ้าบ้านของเรามีขนาดไม่อำนวย














การประดับบ้าน






















บ้าน ถ้าขาดสิ่งประดับแล้ว จะดูไม่สวยงามโล่งไปหมด เพราะฉะนั้นควรจะหาสิ่งประดับบ้านมาตกแต่งให้สวยงาม เป็นต้นว่ารูปภาพ เป็นภาพวิวต่าง ๆ ภาพสำคัญทางประวัติศาสตร์ พุทธศาสนา ด้านจิตใจ การประดับรูปส่วนใหญ่จะประดับตามฝาห้องตามมุมห้องโดยมีกรอบสวยงาม วางช่วงให้เหมาะ ภายในห้องรับแขกนั้นควรจะมีภาพสวยงาม ทำให้แขกรู้สึกสดชื่น ขณะที่นั่งสนทนา






















ลองใช้เป็นแนวคิดในการจัดบ้านให้สวย และน่าอยู่กันนะครับ...

ฮวงจุ้ย : บ้านของคนเกิดปีต่าง ๆ


เราชาวตะวันออก การจะทำอะไร รวมถึงการปลูกบ้าน แต่งบ้านก็ดี ก็จะมีความเชื่อ เรื่องฮวงจุ้ย ซึ่งเป็นศาสตร์ของการจัดแต่งบ้านอย่างหนึ่งที่นิยมกัน ลองมาดูกันนะครับ ว่าบ้านของคุณควรเป็นแบบไหน ?
จึงจะถูกโฉลกกัน และ เฮงๆ
บ้านคนปีชวด (พ.ศ. 2527, 2515 และ 2503)
เพื่อความมั่งมีศรีสุข บ้านของคนปีชวด ควรมีเครื่องดนตรีอย่างน้อย 1 ชิ้น อยู่ในบ้าน เช่น ขลุ่ย เมาท์ออร์แกน เปียโน กีตาร์ ฯลฯ แม้จะเล่นไม่เป็น เพียงมีไว้ประดับบ้านก็ถือว่าถูกโฉลก นำโชคดีมาสู่ในบ้าน แต่ถ้าเป็นเครื่องดนตรีที่สมาชิกในบ้านสามารถเล่นได้จริงๆ หรือมีการเล่นร่วมดนตรีด้วยกันภายในครอบครัว เสียงดนตรีที่ดังขึ้นดุจดั่งเสียงสวรรค์ที่เรียกทรัพย์นับล้านเข้าสู่บ้านคนปีชวด

บ้านคนปีฉลู (พ.ศ. 2528, 2516 และ 2504)
เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย บ้านของคนปีฉลู ไม่ควรมีอะไรที่เป็นทรงกลม ยกเว้นโต๊ะอาหารที่เป็นโต๊ะกลมได้ นอกนั้นแล้วสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านควรเป็นเหลี่ยมเป็นมุมทั้งหมด ตัวอย่างเช่น นาฬิกาทรง 8 เหลี่ยม อ่างบัวทรง 5 เหลี่ยม กระถางต้นไม้ทรง 4 เหลี่ยม รวมไปถึงลวดลายของเหล็กดัด วอลล์เปเปอร์ ก็ควรเป็นรูปทรงเหลี่ยม หลีกเลี่ยงรูปวงกลมและรูปโค้งมนต่างๆ

บ้านคนปีขาล (พ.ศ. 2529, 2517 และ 2505)
เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านของคนปีขาล ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง ควรมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หน้าบ้านควรมีต้นไม้ใหญ่ หรือ สัญลักษณ์ที่ใหญ่โตโดดเด่น อาทิ มีประตูหน้าบ้านบานใหญ่ มีโอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีบ่อน้ำขนาดใหญ่ เป็นต้น ในห้องรับแขกควรมีรูปภาพพระอาทิตย์ขึ้นประดับไว้ จะช่วยเพิ่มพลังอำนาจ และบารมีให้มีมากขึ้นกว่าเดิม
บ้านคนปีเถาะ (พ.ศ. 2530, 2518 และ 2506 )
เพื่อความสุขและความสำเร็จ บ้านของคนปีเถาะ ควรเป็นบ้านที่มีความร่มรื่น ร่มเย็น มีสนามหญ้า ต้นไม้ ดอกไม้ อ่างบัว ตัวบ้านมีความโปร่งโล่งสบาย มีแสงแดดและแสงสว่างพอประมาณ ในห้องนอนหรือห้องรับแขก ควรมีตุ๊กตาเซรามิครูปกระต่าย รูปไก่ รูปไข่ รูปหมู รูปเด็กทารก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย จะช่วยให้เงินทองไม่รั่วไหลไปไหน ได้ปรับเงินเดือน ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้พบกับความสมหวังและสมปรารถนาทุกประการ

บ้านคนปีมะโรง (พ.ศ. 2531, 2519 และ 2507)
เพื่อความเป็นสิริมงคล บ้านของคนปีมะโรง ควรจะมีชื่อบ้าน โดยเป็นชื่อที่เป็นมงคลและถูกต้องตามหลักทักษาของเจ้าของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะใช้ชื่อหรือนามสกุลของเจ้าของบ้านมาเป็นชื่อบ้าน ซึ่งถ้าชื่อหรือนามสกุลถูกโฉลกอยู่แล้ว ชื่อบ้านก็ย่อมจะดีตามไปด้วย ชื่อบ้านต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับลักษณะของบ้านและ ผู้อยู่อาศัย ห้ามขัดแย้ง หรือตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น บ้านทาสีฟ้าทั้งหลังแต่ตั้งชื่อบ้านว่าเรือนสีชมพู หรือ บ้านอยู่ติดภูเขา แต่ตั้งชื่อบ้านว่า บ้านริมทะเล ลักษณะอย่างนี้ถือว่าไม่เหมาะสมจะทำให้อับโชค พบเจอแต่อุปสรรคขวากหนามในการดำเนินชีวิต

บ้านของคนปีมะเส็ง (พ.ศ. 2532, 2520 และ 2508)
เพื่อความเจริญรุ่งเรือง บ้านของคนปีมะเส็งต้องมีแสงสว่างอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ต้องให้ความรู้สึกว่าสว่างอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ควรจะมีไฟภายนอกบ้านอย่างน้อยสัก 1 ดวงที่เปิดให้ความสว่างอยู่ตลอดคืนโดยเฉพาะไฟดวงไหนหากเปิดไว้แล้วนอกจากจะให้ความสว่างแก่บ้านของเรา ยังให้ความสว่างและความปลอดภัยแก่บ้านหลังอื่นและผู้ที่เดินทางผ่านไปมา ถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง บ้านมืดๆ จะนำภัยอันตรายและโชคร้ายมาสู่คนปีมะเส็ง

บ้านคนปีมะเมีย (พ.ศ. 2533, 2521 และ 2509)
เพื่อความเจริญก้าวหน้า บ้านของคนปีมะเมีย ต้องมีความเคลื่อนไหว เช่น มีธงโบกสะบัด มีน้ำพุ มีกังหัน มีโมบาย มีสุนัขหรือแมววิ่งเล่นกัน มีต้นไม้ใหญ่ที่โอนเอนตามสายลมภายในบ้าน ก็ควรมีสัญลักษณ์ของความเคลื่อนไหวหรือความเร็ว เช่น รถยนต์โบราณ รถไฟ เรือใบ เรือสำเภา เครื่องบิน จรวด ฯลฯ เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งร่ำรวย บ้านที่สงบ นิ่งและเงียบเกินไป จะทำให้คนปีมะเมียอึดอับและอับโชค

บ้านคนปีมะแม (พ.ศ. 2534, 2522 และ 2510)
เพื่อความสุขและความสำเร็จ บ้านของคนปีมะแม ควรเป็นบ้านที่สะสมงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพวิวทิวทัศน์ งานหล่อ งานปั้น งานแกะสลัก หนังสือ ซีดีเพลง ดีวีดีภาพยนตร์ ฯลฯ ล้วนถูกโฉลกและนำโชคดีมาสู่คนปีมะแม และถ้าผลงานศิลปะเหล่านั้น เป็นฝีมือของเจ้าของบ้านด้วยแล้ว จะยิ่งถูกโฉลกและโชคดีเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

บ้านของคนปีวอก ( พ.ศ. 2523, 2511 และ 2499)
เพื่อความเจริญรุ่งเรือง บ้านของคนปีวอก ควรเป็นบ้านที่มีการขยับขยาย เพิ่มเติม ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาเพื่อให้สอดคล้องสมดุลกับผู้อยู่อาศัย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นบ้านที่มีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น มีต้นไม้ใหม่ๆ มาปลูกเพิ่มอยู่เสมอมีเฟอร์นิเจอร์ใหม่มาทดแทนของเดิมที่ชำรุดเสียหาย มีเก้าอี้ม้าหินชุดใหม่มาตั้งแต่เพิ่มในสวน มีการเปลี่ยนผ้าม่านใหม่ทุกๆ 2 ปี และทาสีบ้านใหม่ทุกๆ 3 ปี

บ้านของคนปีระกา (พ.ศ. 2524, 2512 และ 2500)
เพื่อความเป็นสิริมงคล บ้านของคนปีระกาต้องสวย สะอาด สดใส และดูใหม่อยู่เสมอ สิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน ควรจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย รั้วบ้านและอาคารภายนอกบ้านควรทาสีใหม่ทุกๆ 3 ปี ภายในบริเวณบ้าน ห้ามมีสิ่งของแตกหัก ชำรุด เสียหาย ใบไม้แห้ง ต้นไม้หรือกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉาโรยรา โดยเด็ดขาด รอยร้าวบนผนัง หากพบเจอต้องรีบแก้ไขในทันที หลอดไฟ กลอน กุญแจ ประตู หน้าต่าง ต้องพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

บ้านของคนปีจอ (พ.ศ. 2525, 2513 และ 2501)
เพื่อความมั่งมีศรีสุข บ้านของคนปีจอ ควรจะมีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงนำโชคของคนปีจอ เพราะความซื่อสัตย์และแสนรู้ของสุนัข จะช่วยให้คนปีจออารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส สมองปลอดโปร่ง ไม่เครียด ดังนั้นไม่ว่าจะคิดหรือทำอะไรก็ล้วนแต่โชคดีมีความสำเร็จ สุนัขที่เลี้ยงไว้ไม่ควรเลี้ยงตัวเดียว ควรเลี้ยงตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป แต่ก็อย่าให้มากเกิน ควรให้เหมาะสมกับบริเวณบ้านและกำลังในการดูแลเอาใจใส่

บ้านของคนปีกุน (พ.ศ. 2526, 2514 และ 2502)
เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย บ้านของคนปีกุน ต้องมีห้องครัวที่กว้างขวาง สะอาด สะดวก สบาย มีอุปกรณ์ในการทำครัวครบครัน เพราะการเข้าครัวทำอาหารของคนปีกุน ถือเป็นเรื่องมงคลนำมาซึ่งโชคลาภ ความสำเร็จ และความร่ำรวย และถ้ามีตุ๊กตาเซรามิครูปหมูสีขาวหรือสีชมพู สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ วางไว้ในห้องรับแขกหรือห้องรับประทานอาหารด้วย จะยิ่งถูกโฉลก โชคดี เฮง เฮง เฮง เพิ่มมากขึ้น

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของคนรักการจัดแต่งบ้านสวยและน่าอยู่-Chadban.blogspot.com


สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ ทุกท่านเข้าสู่บล็อกของคนรักการจัดแต่งบ้านสวยและน่าอยู่ http://www.chadban.blogspot.com/ ของเรา

ที่นี่เราจะมาร่วมกัน เสนอแนวคิด (idea) ความรู้ เกี่ยวกับบ้าน การจัดแต่งบ้าน สวน และที่อยู่อาศัยของเราให้สวยและน่าอยู่กันครับ ทุกท่านสามารถร่วมนำเสนอได้อย่างเป็นกันเองครับ ส่วนผมก็จะนำเสนอ idea รวบรวมบทความเกี่ยวกับบ้าน และการจัดแต่งบ้าน มานำเสนอในบล็อกแห่งนี้โดยตลอด ท่านสามารถอ่าน และ/หรือนำเสนอแนวคิด ความเห็นต่างๆ ได้ตามอัธยาศัยครับ เพราะเราคือ..คนที่รักบ้าน และการจัดแต่งบ้านเหมือนกันครับ.